เป็นหนังสือพิมพ์ คม-ชัด-ลึก ฉบับวันอาทิตย์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2550


ขอพิมพ์เฉพาะท่อนที่เป็นของพี่แบงก์เล็กพูดละกันนะครับ พอดีช่วงนี้ใกล้สอบ ต้องรีบไปอ่านหนังสือสอบ
ส่วนที่เหลือจะกลับมาพิมพ์ให้หลังจากสอบเสร็จนะครับ
เสียงดนตรีรัวระทึกเร้าใจ พร้อมกับการปรากฎตัวของเด็กชายรูปร่างสันทัด ผิวขาววัย 14 ปี ในมือถือไวโอลินสีตะกั่วคู่ใจ ทำท่าทางประกอบให้เหมือนกับกำลังสีเครื่องเล่นเข้ากับจังหวะของเพลงจริงๆ เสียงเพลงยังคงบรรเลงเร่าร้อนอย่างต่อเนื่อง มือเล็กๆขยับตรงปลายของไวโอลินฉับพลันประกายไฟลุกโหมขึ้นกลายเป็นผ้าสีขาว สักพักมือน้อยๆกำผ้าเอาไว้เสกให้กลายเป็นนกพิราบขาวบินออกมาจากผ้าอย่างรวดเร็ว
โชว์เสกนกพิราบจากไวโอลินจบลง ลูกเหล็กขนาดเท่ากับลูกกอล์ฟก็ถูกนำขึ้นมาแสดงอย่างรวดเร็ว จาก2ลูก เพิ่มเป็น3ลูกและ4ลูกเรียกเสียงปรบมือจากผู้ชมเกรียวกราว การแสดงยังเพิ่มความตื่นเต้นด้วยการหยิบเอาฟองสบู่ที่ลอยอยู่บนอากาศเสกให้เป็นลูกบอลอีก4ลูก สร้างความตื่นเต้นให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศที่หยุดดูการแสดงกลางห้างสรรพสินค้าใจกลางกรุง
นักมายากลรุ่นจิ๋ว !!!
เมื่อ3ปีก่อน เดวิด คอปเปอร์ฟิลด์ มาเปิดการแสดงที่เมืองไทย การโชว์ของเขาทำให้ทัศนคติของเด็กผู้ชายคนหนึ่งเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
"ผมได้แรงบันดาลใจจาก เดวิด คอปเปอร์ฟิลด์ ถ้าผมเก่งเหมือนเขาผมก็จะเหมือนซูเปอร์ฮีโร่มีเสียงปรบมือและชื่นชมผมเยอะๆ"
นี่คือแรงบันดาลใจที่ทำให้ ด.ช.วรทัต ใจพิทักษ์เจริญ หรือแบงก์ หรือที่รู้จักกันในนาม "ไดนามิค" นักมายากลวัยเพียง 14 ปี ผู้คว้าตำแหน่งชนะเลิศ MBK International Magic Festival 2007
แบงก์เริ่มเข้าสู่เส้นทางสายมายากล เมื่ออายุ13ปี จนวันนี้1ปีเต็มที่แบงก์โลดเล่นอยู่ในโลกเวทมนตร์ เวลาส่วนใหญ่จึงทุ่มเทให้การฝึกซ้อม ถ้ามีโชว์ที่ไหนนั่นหมายถึงรายได้ที่ได้รับ แต่เขาก็ไม่เคยรู้สึกท้อและเหนื่อย เพราะมันเป็นสิ่งที่เขารักและชอบที่จะทำ หากแต่ว่าผลตอบแทนกลับมามีค่ายิ่งกว่าเงินทองที่ได้
"เมื่อผมแสดงอยู่บนเวทีมีคนมาดู มีคนปรบมือให้ถามว่าทำได้ไง เก่งมาก เหมือนกับผมเป็นฮีโร่ผมภูมิใจสุดๆๆ"
เดิมชีวิตของนักมายากลเด็ก "ไดนามิค" ก็เหมือนกับเด็กทั่วไป ว่างก็เข้าร้านเกม หยุดก็เล่นกับเพื่อน แต่เมื่อก้าวเข้าสู่การแสดงมายากลความคิดก็พลันเปลี่ยนไป ความอยากเป็นฮีโร่ ทำให้ต้องมาสนใจเรียนทางด้านนี้โดยตรงที่โรงเรียนศูนย์ส่งเสริมศิลปะมายากล
ตารางชีวิตได้ถูกกำหนดขึ้นใหม่ หลังจากเลิกเรียนที่ ร.ร.บางกะปิสุขุมนวพันธ์อุปถัมภ์แล้ว ตอนเย็นต้องใช้เวลา 4-5 ชั่วโมง ฝึกซ้อมมายากล ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ จะเรียนทั้งวัน บางครั้งซ้อมหนักถึงกับต้องอาศัยนอนที่บ้านอาจารย์ก็มี
การไล่มือ เป็นพื้นฐานแรกที่ได้รับ ต้องทำให้ได้อย่างต่ำร้อยกว่ารอบ เพื่อฝึกความรวดเร็วและสมาธิในการเล่นทำอยู่อย่างนั้นวันละหลายรอบหลายชั่วโมงยิ่งไล่มือเร็วมากเท่าไร สมาธิก็เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น และชินกับสิ่งที่กำลังทำอยู่
"สิ่งเหล่านี้มันไม่ทำให้ผมเบื่อหรอก ผมยังจะพัฒนาฝีมือต่อไปให้เก่งเหมือนนักมายากลระดับโลก ส่วนอนาคตนั้นผมอยากเป็นเภสัชกร และนักมายากลเป็นงานอดิเรก"
จากศูนย์นับสิบ สิบเป็นร้อยที่นักมายากลน้อยเรียนรู้จากอาจารย์ พื้นฐานการแสดงต่างๆ ได้ถูกถ่ายทอดให้แบงก์อย่างมากมาย จนบางครั้งเหนื่อยและท้อถึงกับอยากหยุดและกลับไปชีวิตเหมือนเดิม แต่ด้วยนิสัยที่มุ่งมั่น ตั้งใจทำสิ่งใดแล้วต้องทำให้ได้ ทำให้เขากลับมาตั้งใจฝึกหนักยิ่งกว่าเดิม
"ผมว่ามายากลเป็นสิ่งที่หลอกลวงก็ใช่ แต่ถ้าเราเล่นแล้วคนอื่นมีความสุขเราก็ดีใจ เพราะเราถือว่ามันเป็นการแสดงประเภทหนึ่ง" แบงก์กล่าวทิ้งท้าย
credit:หนังสือพิมพ์ คม-ชัด-ลึก ฉบับวันอาทิตย์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2550
น้องบีรายงาน
