


คลิปจาก mcot.net :

รับชม ITV สด จนถึงชั่วโมงสุดท้ายที่จะถูกตัดสัญญาณ :

:

หลังเที่ยงคืนนี้ไอทีวีจอดับชั่วคราว รัฐบาลส่งให้กฤษฎีกาตีความข้อกฎหมายให้ชัดเจนก่อน ขณะเดียวกันเลิกอุ้มพนักงานปล่อยเป็นเรื่องของบริษัทกับพนักงาน หากไม่เป็นธรรม กระทรวงแรงงานจะเข้าไปดูแล พร้อมทั้งยกเลิกเช่าตึกชินวัตร 3 ด้วย
วันนี้(6 มี.ค.) เมื่อเวลา 13.20 น.ที่ผ่านมา คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี(สปน.) แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมีสาระสำคัญโดยสรุปว่า เมื่อครบกำหนดตามสัญญาคือหลังเที่ยงคืนนี้ หากทางบริษัทไอทีวีไม่สามารถนำเงินมาจ่ายให้กับทางรัฐทั้งค่าสัมปทานและค่าปรับจำนวนรวมกว่า 1 แสนล้านบาท ทางรัฐจะต้องยึดคลื่นสัมปทานคืนมาก่อนแล้วให้กรมประชาสัมพันธ์เข้าไปบริหารแทนไปก่อน
ขณะเดียวกันจะมีการยุติการออกอากาศชั่วคราว เพื่อพิจารณาข้อสัญญาและพิจารณาทางกฎหมายอย่างรอบคอบเสียก่อน โดยจะให้ทางสำนักงานกฤษฎีกาตีความข้อกฎหมายให้เกิดความชัดเจนเสียก่อน โดยเฉพาะในประเด็นที่ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจะมอบหมายให้กรมประชาสัมพันธ์เข้าไปดำเนินการสถานีโทรทัศน์แทนนั้น จะขัดต่อ มาตรา 8 พ.ร.บ.คลื่นความถี่หรือไม่ โดยจะส่งเรื่องให้กฤษฎีกาพิจารณาในวันพรุ่งนี้(7 มี.ค.) ซึ่งเลขาธิการกฤษฎีกาบอกว่าจะพิจารณาให้เร็วที่สุด โดยจะนัดประชุมในวันศุกร์ที่ 9 มี.ค.นี้
คณะหญิงทิพาวดี กล่าวว่า ส่วนคลื่นสัมปทานนั้นจะมอบหมายให้กรมประชาสัมพันธ์บริหารต่อไป ส่วนในเรื่องของพนักงานไอทีวีนั้น เป็นความรับผิดชอบของบริษัทไอทีวีฯที่จะต้องจ่ายตามกฎหมายแรงงานและกฎหมายประกันสังคม ซึ่งคาดว่าจะไม่มีปัญหา หลังจากนั้นจึงจะพิจารณารับอดีตพนักงานไอทีวีเข้ามาทำงานในสถานีโทรทัศน์แห่งใหม่
ขณะเดียวกันเมื่อมีการยกเลิกสัมปทานแล้ว เรื่องสัญญาต่างๆ จะต้องถูกยกเลิกด้วย อาทิ สัญญาเช่าตึกชินวัตร 3 ก็ต้องมีการยกเลิกด้วย และจะต้องขนอุปกรณ์ออกจากตึกชินฯ 3 มาไว้ที่ สปน.ตั้งแต่วันที่ 7 มี.ค.เป็นต้นไป
ด้าน พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้แถลงขออภัยพนักงานไอทีวีที่ไม่สามารถให้ไอทีวีออกอากาศต่อเนื่องได้ เนื่องจากจะมีผลกระทบในด้านข้อกฏหมาย รัฐบาลจำเป็นต้องยืนอยู่บนความถูกต้อง และยืนยันว่ามติ ครม.ครั้งนี้ได้ยึดตามแนวทางของกฏหมายเป็นหลัก
โปรดติดตามรายละเอียด
นับถอยหลังคืนนี้ '24น.' ปิดไอทีวี!
เดดไลน์ 24.00 น. วันที่ 7 มี.ค. สั่งถอดปลั๊ก-ปิดจอ "ไอทีวี" ตัดตอนย้ายอุปกรณ์จากตึกชินฯ ทั้งหมด รอกฤษฎีกาตีความชี้ชะตา 9 มี.ค. พนักงานรู้ข่าวถึงทรุด-รํ่าไห้ปล่อยนํ้าตานองทำเนียบฯ ด้านกลุ่มผู้บริหาร-พนักงาน พึ่ง "ศาล ปค." คุ้มครองออกอากาศชั่วคราว...
ดิ้นเฮือกสุท้ายคนข่าวรวมพลัง ลุ้นศาล ปค.สั่ง"ออนแอร์"ชั่วคราว...เดดไลน์ 24.00 น. วันที่ 7 มี.ค. สั่งถอดปลั๊ก-ปิดจอ "ไอทีวี" ตัดตอนย้ายอุปกรณ์จากตึกชินฯ ทั้งหมด รอกฤษฎีกาตีความชี้ชะตา 9 มี.ค. พนักงานรู้ข่าวถึงทรุด-รํ่าไห้ปล่อยนํ้าตานองทำเนียบฯ ด้านกลุ่มผู้บริหาร-พนักงาน พึ่ง "ศาล ปค." คุ้มครองออกอากาศชั่วคราว พร้อมจัดรายการ "เคานท์ดาวน์" จนกว่าจะถูกตัดสัญญาณปิดจอ "พล.อ.สุรยุทธ์" ยันทำตามข้อกฎหมายพร้อม "ขอโทษ" ส่วน "ทิพาวดี" แจงไอทีวีทำผิดสัญญา ปัดจ้าง อสมท ให้กรมประชาสัมพันธ์บริหาร ตั้ง "จีระ" นั่งแท่น รก.ผอ. "ทีไอทีวี" พร้อมว่าจ้างพนักงานที่ถูกลอยแพ ช่อง 3 อ้าแขนรับ ตลท.ห้ามซื้อขายหุ้นไอทีวี "รมว.ไอซีทีซัด "เทมาเส็ก" ต้นตอปัญหา เพื่อนสื่อ-ปชช. แห่ให้กำลังใจอบอุ่น
ม้วนเสื่อปิดฉากสถานีข่าวเพื่อประชาชน "ไอทีวี" คณะรัฐมนตรีชี้ขาด ยุติการออกอากาศชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 7 มี.ค. ให้กฤษฎีกาชี้ขาด กรมประชาสัมพันธ์เข้าบริหารงาน หลังคุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) นำเรื่องเสนอเข้า ครม. เพื่อบอกเลิกสัญญากับ บมจ.ไอทีวี เนื่องจากไม่สามารถจ่ายค่าสัมปทานเกือบ 1 แสนล้านได้ตามกำหนดวันที่ 6 มี.ค. เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายให้ถูกต้อง รวมถึงการยึดอุปกรณ์การออกอากาศต่าง ๆ ซึ่งเป็นสมบัติของชาติกลับคืนมา (พลิกหน้า 2 ลำดับเหตุการณ์อวสาน ไอทีวี [/img]ทีวีเสรี)
คนไอทีวียื่นหนังสือ"สุรยุทธ์"
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 6 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ก่อนการประชุมครม. ได้มีกลุ่มผู้จัดรายการ และพนักงานของสถานีโทรทัศน์ไอทีวีกว่า 50 คน นำโดยนายจอม เพชรประดับ รองบรรณาธิการบริหาร นาย ไตรภพ ลิมปพัทธ์ ผู้จัดรายการ ได้นำกระเช้าดอกไม้มาให้กำลังใจ พร้อมยื่นหนังสือถึงพล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เพื่อขอไม่ให้หยุดการแพร่ภาพชั่วคราวของสถานีโทรทัศน์ ไอทีวี โดยนายกรัฐมนตรีระบุว่าทราบปัญหาดังกล่าวนี้ดี และรับปากว่าจะนำเรื่องนี้เข้าสู่การ พิจารณาในที่ประชุม ครม.ให้ ทั้งนี้ ทางพนักงานไอทีวีทุกคนยังยืนยันข้อเรียกร้องเดิม ที่ไม่ต้องการให้รัฐบาล หรือ สปน. ปิดไอทีวีแม้แต่นาทีเดียว อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลปล่อยให้มีการปิดไอทีวี ทางกลุ่มพนักงานก็จะหารือกันอีกครั้งในวันที่ 7 มี.ค. ว่าจะเดินไปอย่างไร
อ้อนรมต.ก่อนประชุม ครม.
คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังรับมอบช่อดอกไม้จากพนักงานไอทีวีว่า วันนี้จะนำรายละเอียดข้อมูลผลการทำงานของคณะทำงานทั้ง 5 คณะเข้ารายงานต่อที่ประชุม ครม. รวมทั้งมีประเด็นในเรื่องข้อกฎหมาย การยกเลิกสัญญา และขั้นตอนในการดำเนินการต่อไปให้ ครม.พิจารณา ดังนั้นตนคิดว่าเมื่อครม.ได้รับทราบข้อมูลทั้งหมดแล้วคงจะช่วยกันพิจารณา โดย สปน. จะดำเนินการทุกอย่างด้วยความละเอียดรอบคอบ ทั้งนี้เรื่องความเข้าใจ และความถูกต้องเป็นเรื่องสำคัญ ตนจึงมั่นใจว่า ครม.ทุกคน จะรับทราบข้อมูลและซักถามทุกประเด็น เมื่อตัดสินใจร่วมกันแล้วทุกฝ่ายจะมีทางออกร่วมกัน
ขณะที่นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รมต. ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลกรมประชาสัมพันธ์และ อสมท ให้สัมภาษณ์ถึง แนวทางการพิจารณาแก้ปัญหาสถานีโทรทัศน์ ไอทีวีว่า คงต้องรอผลการพิจารณาของที่ประชุมครม.ก่อน ซึ่งเรื่องนี้จะต้องดูในภาพรวม เราจะไปมองแบบแยกส่วนคงไม่ได้ เพราะมีหลายหน่วยงานเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งภายหลังการประชุมครม.เสร็จแล้วก็คงจะได้รู้คำตอบว่าจะปล่อยให้ระงับการออกอากาศปล่อยจอมืดไปก่อนหรือไม่
"ไอซีที"ซัด"เทมาเส็ก"ต้นตอ
นายสิทธิชัย โภไคยอุดม รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุม ครม. ถึงปัญหาไอทีวีที่อาจจะระงับการออกอากาศว่า ไม่มีความเห็นในด้านนี้ ทุกอย่างคงต้องเป็นไปตามกฎหมาย แต่สิ่งที่สังคมต้องระลึกไว้ว่าเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะใคร เพราะบริษัทเทมาเส็กของสิงคโปร์ จึงอยากเตือนว่าต้นตอมาอย่างไร เพราะปัญหาตรงนี้เป็นปลายเหตุต้องดำเนินการตามกฎหมาย แต่เชื่อว่า ครม.จะพิจารณาหาทางที่เป็นประโยชน์ที่สุดต่อประชาชนและประเทศชาติ และเป็นไปตามกฎหมายด้วย
นายจุลยุทธ หิรัณยะวสิต ปลัดสำนัก นายกรัฐมนตรี (สปน.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ทางสปน.ได้เสนอต่อที่ประชุม ครม. ให้มีการต่อเนื่องในการออกอากาศและโครงสร้างในการบริหารงานโดยจะมอบหมายให้กรมประชาสัมพันธ์ดำเนินการ ซึ่งได้หารือกับนักกฎหมายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากนั้นเรายืนยันหลักการที่ให้มีรายการข่าว 70% และรายการบันเทิง 30% เมื่อถามว่าจะนำข้อเสนอ ของผู้ผลิตรายการมาพิจารณาด้วยหรือไม่ ปลัดสปน. กล่าวว่า เราพูดในภาพรวมทั้งหมดเป็นเรื่องของสัญญาที่มีอยู่กว่า 400 ฉบับ ซึ่งได้มีการแยกประเภทสัญญาไว้แล้ว ทั้งนี้ ในช่วงบ่ายจะมีการประชุมเพื่อพิจารณากรณีที่กรมประชาสัมพันธ์ เชื้อเชิญให้ อสมท มาบริหารจัดการไอทีวี หากอสมท รับก็ต้องพิจารณาเรื่องเงินที่จะใช้ในการดำเนินการและผู้บริหารที่จะเข้าไปบริหาร
เอ็นจีโอจี้ปฏิรูปเป็น"บีบีซี"
ด้านนายเสน่ห์ จามริก ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) และนายจรัล ดิษฐาอภิชัย กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แถลงถึงการแก้ปัญหาไอทีวี โดยยื่นข้อเสนอแนะให้รัฐบาล คือ 1.ขอให้ทบทวนแนวทางแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะการนำคลื่นความถี่ไปให้ อสมท บริหารและใช้ประโยชน์ เพราะเท่ากับเป็นการสถาปนาสื่อสารวิทยุโทรทัศน์ของรัฐขึ้นมาโดยไม่จำเป็น 2.รัฐบาลต้องให้หลักประกันต่อประชาชนที่จะให้มีสถานีวิทยุโทรทัศน์ระบบยูเอช เอฟ เพื่อสาธารณะอย่างแท้จริง โดยป้องกันไม่ ให้ตกอยู่ภายใต้การครอบงำของกลุ่มทุนทั้งในและต่างประเทศ และ 3.ควรถือโอกาสดังกล่าวริเริ่มการจัดการแบบใหม่ที่ไม่ใช่รูปแบบบริษัทจำกัด หากแต่อยู่ในรูปแบบองค์กรอิสระที่ได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณตามสัดส่วนภาษี
ขณะเดียวกัน นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.สุรยุทธ์ นายกฯ ผ่านกองรับเรื่องราวร้องทุกข์ เนื้อหาเสนอให้รัฐบาล ตรา พ.ร.ก.จัดตั้งบรรษัทมหาชนแห่งชาติไอทีวี มีคณะกรรมการอิสระจากหลายฝ่าย อาทิ นักวิชาการ ภาคประชาชนฯ เข้าบริหาร เน้นความเป็นทีวีสาธารณะ โดยยึดรูปแบบสถานีข่าวบีบีซี ของประเทศอังกฤษ
นายกฯแถลงขอโทษ-ย้ำยึดก.ม.
ต่อมาเวลา 13.20 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุม ครม.ว่า ครม. ได้ใช้เวลาในการพิจารณาปัญหาของไอทีวีเป็นเวลานานพอสมควร ทั้งในแง่ของกฎหมายและการดำเนินรายการต่อไปอย่างไร ที่จะไม่ขัดต่อกฎหมาย โดย ครม.มีมติให้ยึดถือแนวทางตามกฎหมายเป็นนโยบายในการดำเนินงาน "ในส่วนที่ผมอาจจะพูดอะไรแล้วขัดต่อแง่กฎหมาย ผมก็คงต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย เพราะในความเป็นจริงของผมแล้ว ผมไม่ได้มีเจตนาเป็นอย่างอื่น นอกจากอยากเห็นความต่อเนื่องและเห็นความสำคัญของการดำเนินงานของสื่อมวลชน แต่เมื่อมีผลกระทบในแง่กฎหมาย ผมก็จำเป็นต้องยืนอยู่กับความถูกต้อง"
ด้านคุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รมต. ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ตนและปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ได้เสนอผลการดำเนินงานในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาให้ ครม.ได้พิจารณา ซึ่งมีอยู่ 4 ประเด็น คือ 1.โครงสร้างที่ มีข้อจำกัดในข้อกฎหมาย 2.เรื่องสัญญา ซึ่งมีสัญญาร่วมงานที่จะต้องแจ้งยกเลิกสัญญาโดยมีมูลค่าที่บริษัทไอทีวีติดค้างต้องชำระให้ สปน. กว่า 100,350 ล้านบาท 3.ทรัพย์สินและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ต้องตกเป็นของ สปน. เมื่อตรวจสอบดูในขั้นต้นพบว่ามูลค่าไม่ตรงกัน โดย สปน.ตรวจสอบพบ ว่ายังมีการค้างตามสัญญาประมาณ 557.2 ล้าน บาท และ 4.ยังมีสัญญาในรายละเอียดที่บริษัทไอทีวีได้ทำสัญญาไว้กับบริษัทย่อยอีก 446 สัญญา
หยุดออนแอร์!ชี้ชะตา 9 มี.ค.
ครม.ได้มีการพิจารณาอย่างรอบคอบ และเห็นว่าจำเป็นต้องดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยให้มีการปิดสถานีโทรทัศน์ไอทีวีเป็นการชั่วคราวก่อนเพื่อเป็นการรักษา รูปคดี และปกป้องคุ้มครองพิทักษ์สิทธิอันเป็นประโยชน์ของทางราชการ ซึ่งทางสำนักงานอัยการสูงสุดจะเป็นผู้ดำเนินการในส่วนนี้ต่อไป ดังนั้นหากมีการยกเลิกสัญญาในวันที่ 7 มี.ค. ก็จะเข้าไปดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายทุกอย่าง รวมทั้งการฟ้องร้องเรียกค่าปรับและค่าสัมปทานคืนจากบริษัทไอทีวีด้วย ซึ่งประเด็นนี้ก็เป็นหน้าที่ของอัยการสูงสุดที่จะดำเนินการต่อไป
รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับเรื่องของพนักงานนั้น เมื่อดูในข้อกฎหมายถือเป็นความรับผิดชอบของบริษัทไอทีวี ซึ่งคาดว่าไอทีวีคงจะดำเนินการกับพนักงานให้ เป็นไปตามข้อกฎหมายของกระทรวงแรงงานทุกอย่าง ซึ่งทาง รมว.แรงงานได้มีการตรวจสอบรายละเอียดเบื้องต้นแล้ว ส่วนคลื่นที่กลับมาเป็นของ สปน.จะมอบหมายให้กรมประชาสัมพันธ์เข้าไปเป็นผู้บริหาร "เพื่อให้เกิดความรอบคอบในเชิงของอำนาจหน้าที่ของ สปน.รวมทั้งไม่ให้มีประเด็นที่จะผิดกฎหมายมาตรา 80 ของ พ.ร.บ. คลื่นความถี่วิทยุและโทรทัศน์ จะต้องส่งเรื่อง ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาวินิจฉัยตีความให้ถูกต้อง ซึ่งทางเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาได้แจ้งให้ ครม.ทราบว่าจะเร่งพิจารณาให้เร็วที่สุดในวันศุกร์ที่ 9 มี.ค."
โละเช่าตึกชินขนอุปกรณ์กลับ
ดังนั้น ระหว่างวันที่ 7 มี.ค. จนถึงวันที่จะมีความชัดเจนจากสำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกา ก็จะต้องเว้นช่วงการออกอากาศไว้ก่อน แต่ยืนยันว่าสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการได้ยึดถือขั้นตอนของกฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมทั้งได้คำนึง ถึงความรู้สึกของประชาชนด้วย เชื่อว่าวันที่ 9 มี.ค.จะได้รับคำตอบที่ชัดเจนว่าจะต้องปิดสถานี เป็นระยะเวลาเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการยกเลิกสัญญาเราก็ต้องยกเลิกสัญญาการเช่าตึกชินวัตรไปด้วย แม้ว่าตึกชินวัตรจะให้เช่าต่อ แต่ในเชิงรูปคดีเราควรจะตัดตอนทุกอย่างซึ่งเป็นไปตามคำแนะนำของอัยการ ดังนั้นอุปกรณ์ต่าง ๆ จะถูกยกถ่ายเทออกมาไว้ที่กรมประชาสัมพันธ์ เพราะฉะนั้นจะมีช่วงเวลาขลุกขลักอยู่ 3-4 วัน
ถ้าวันศุกร์นี้กฤษฎีกาตอบว่า สปน.ในฐานะเป็นผู้รับผิดชอบคลื่นสามารถมอบให้ทางกรมประชาสัมพันธ์ซึ่งเป็นหน่วยงานสังกัด สปน. ดำเนินการในฐานะเป็นผู้บริหารสถานีวิทยุโทรทัศน์ได้ ก็จะสามารถออกอากาศได้ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 9 มี.ค. อย่างไรก็ตาม ทางกรมประชาสัมพันธ์ก็จำเป็นต้องมีบุคลากร ซึ่งบุคลากรของกรมประชาสัมพันธ์ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการ ดังนั้นในหลักการคงจะว่าจ้างพนักงานไอทีวีเก่าเข้ามาช่วยรับผิดชอบ
ปัดจ้างอสมท-กปส.บริหาร
คุณหญิงทิพาวดี กล่าวต่อว่า ในทางเทคนิคได้รับคำยืนยันจากอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ (กปส.) ว่า ทาง กปส. สามารถเข้าไปรับช่วงของคลื่นดังกล่าวได้ แต่เพื่อให้เกิดความรอบคอบก็ต้องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาก่อน ทั้งนี้ ครม.ยังได้มีมติให้คณะกรรมการกำกับการดำเนินการสถานีโทรทัศน์ระบบยูเอชเอฟที่มีตนเป็นประธาน ไปพิจารณาแนวทางอนาคตของคลื่นยูเอชเอฟนี้คู่ขนานกันต่อไปภายใน 1 เดือน จากนั้นก็จะรายงานให้ที่ประชุม ครม.รับทราบ ส่วนการจะให้ใครเข้ามาประมูลคลื่นต่อนั้นขณะนี้ยังไม่มีการตัดสินใจ เพราะในแง่ของกฎหมายเองยังทำไม่ได้ แต่ในช่วงเวลา 1 เดือนนี้ ตนจะตอบโจทย์ทั้งหมดที่ ครม.มอบหมายให้ว่าจะดำเนินการอย่างไรในระยะยาวต่อไป ซึ่งอาจจะนำไปสู่การแก้ไขกฎหมายก็ได้
เมื่อถามว่าการตัดสินใจของรัฐบาลครั้งนี้ยึดหลักกฎหมายหรือการเมือง รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในที่ประชุม ครม. นายกรัฐมนตรี ได้เป็นผู้ให้แนวทางด้วยตัวเองโดยให้ยึดข้อกฎหมายเป็นหลัก ซึ่งนายกรัฐมนตรีระบุว่าสิ่งที่ได้รับปากกับพนักงานไอทีวีไปนั้นใจจริงก็อยากให้เป็นอย่างนั้น แต่เมื่อข้อกฎหมายติดขัดท่านก็พร้อมขอโทษพนักงาน ส่วนที่รัฐบาลให้กรมประชาสัมพันธ์มาดำเนินการแทน อสมท นั้นก็ไม่ใช่เป็นเรื่องของการกลับไปกลับมา เพียงแต่เป็นทางเลือกหนึ่งในตอนแรกเท่านั้น และทั้งหมดก็เป็นการดำเนินการชั่วคราว
ย้ำทำเพื่อรัฐ-ไม่เกี่ยว"สนธิ"
"เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ เป็นเหตุการณ์ที่บริษัทไอทีวีไม่ดำเนินการตามเงื่อนไขสัญญา จึงถือได้ว่าปัญหาทั้งหมดเอกชนเป็นผู้สร้างขึ้น แต่รัฐบาลจำเป็นต้องเข้ามารับภาระนี้ ซึ่งเราก็ได้พยายามทำด้วยความระมัดระวังมาโดยตลอด ทั้งนี้ เงื่อนสัญญามีมูลค่าถึง 100,350 ล้าน ซึ่งถือว่าสูงมากและมีรายละเอียดขั้นตอนเยอะ ดังนั้นการที่ สปน.อัยการสูงสุดและกฤษฎีกา ช่วยกัน ดำเนินการก็เพื่อความรอบคอบและปกป้องผลประโยชน์ของรัฐ เพราะมีหลายข้อมูลในฐานะที่เป็นเจ้าหนี้ที่เราจำเป็นต้องรักษาเอาไว้เพื่อไม่ให้เสียรูปคดี" คุณหญิงทิพาวดี กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล เรียกร้องให้คุณหญิงทิพาวดีตัดสินใจปิดไอทีวี เพราะไม่เช่นนั้นจะออกมาเปิดเผยกรณีมีส่วนเกี่ยวข้องกับเงิน 40 ล้านเหรียญสหรัฐ คุณหญิงทิพาวดีกล่าวปฏิเสธว่า ไม่ทราบว่านายสนธิหมายถึงอะไร แต่ตนเข้าใจว่าน่าจะหมายถึงโครงการของธนาคารโลก เรื่องการปฏิรูประบบราชการซึ่งมีโครงการที่เกี่ยวข้องกับการทำความเข้าใจกับประชาชนและข้าราชการ โดย สตง. ได้มีรายงานแล้วว่าการใช้จ่ายไม่คุ้มค่า เมื่อถามว่าการออกมาของนายสนธิครั้งนี้มีผลต่อการตัดสินใจในครั้งนี้หรือไม่ คุณหญิงทิพาวดี กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกันเลย
ปล่อยโฮน้ำตาท่วมทำเนียบฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงข่าวของคุณหญิงทิพาวดี เมื่อถึงประเด็นระงับการออกอากาศชั่วคราว ซึ่งพนักงานไอทีวีหลายคนที่รวมใจใส่เสื้อสีขาวมาปฏิบัติหน้าที่ถึงกับครางฮือ บางส่วนกลั้นน้ำตาแห่งความเสียใจเอาไว้ไม่อยู่ ต่างพากันจับกลุ่มกอดคอร่ำไห้อย่างน่าเวทนา ขณะที่ น.ส.ฐปนีย์ เอียดสีไชย ผู้สื่อข่าวและผู้ประกาศข่าว ประจำทำเนียบรัฐบาล ที่ร่ำไห้ตลอดเวลานั้น ก็ยังคงทำหน้าที่ประกาศข่าวต่อไป และได้เก็บอุปกรณ์และถอนทีมข่าวกลับสถานีในเวลาประมาณ 14.00 น. โดยในการแถลงข่าวของโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หลัง ครม. ก็ไม่มีผู้สื่อข่าวของไอทีวีทำข่าวแต่อย่างใด
ด้านนายอภัย จันทนจุลกะ รมว.แรงงาน เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้นายผดุงศักดิ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) เข้าเจรจากับทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อให้มีการชดเชยลูกจ้างตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน 2541 ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 มี.ค. ทราบว่า กสร.ได้เรียกผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคลของ บมจ.ไอทีวี มาทำความเข้าใจเรื่องนี้แล้ว ซึ่งทางฝ่ายไอทีวียืนยันว่าได้เตรียมเงินไว้ประมาณ 200 ล้านบาท เพื่อจ่ายให้พนักงาน ซึ่ง กสร.กำชับว่าให้นายจ้างดำเนินการให้แล้วเสร็จในวันที่ 9 มี.ค.
พึ่งศาลปค.ไต่สวนฉุกเฉิน
ต่อมาเวลา 16.00 น. หลังจากรับทราบมติ ครม. ที่ให้ปิดการออกอากาศเป็นการชั่วคราว นายจาตุรงค์ สุขเอียด ทนายความผู้ได้รับมอบอำนาจจากสถานีโทรทัศน์ไอทีวี ได้ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลาง ขอให้เพิกถอนมติ ครม.เรื่องการระงับออกอากาศคลื่นความถี่สถานีโทรทัศน์ไอทีวี ซึ่งมติ ครม.ดังกล่าว เป็นการดำเนินการขัดต่อกฎหมายตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครอง มาตรา 9 (1) (2) และ (3) เนื่อง จากมติ ครม.ที่ออกมา เป็นการสร้างขั้นตอนที่ไม่จำเป็น ส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยรวมที่ต้องได้รับผลกระทบด้านการบริโภคข่าวสาร และขณะนี้ยังต้องรอตีความจากกฤษฎีกาอีกหลายประเด็น จึงไม่น่าจะสั่งปิดสถานี ดังนั้นจึงขอยื่นคำร้องให้ศาลเพิกถอนมติ ครม.ดังกล่าว และมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา
ที่พรรคไทยรักไทย นายสุทิน คลังแสง รักษาการรองโฆษกพรรคไทยรักไทย กล่าวภายหลัง ครม.มีมติให้สถานีโทรทัศน์ไอทีวี ยุติการออกอากาศชั่วคราวว่า ถือเป็นโศกนาฏกรรมทาง สังคมและเป็นความสูญเสียที่ประเมินเป็นเงินไม่ได้ เพราะเป็นโอกาสที่ประชาชนต้องสูญเสียไป ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าไอทีวีเป็นสื่อคุณภาพ ทำหน้าที่มากกว่าความเป็นสื่อ อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่าสัดส่วนข้อมูลข่าวสารและความบันเทิง 70:30 เปอร์เซ็นต์ สถานีโทรทัศน์อยู่ไม่รอด หากรัฐบาลพยายามช่วยเหลือด้วยความจริงใจ ก็จะเห็นความจริงข้อนี้ ที่พูดไม่ได้หมายความว่าไอทีวีไม่มีความผิด แต่ทางออกควรพิจารณาในสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสียหายน้อยกว่านี้
กฤษฎีการับลูกเร่งตีความ
ตกเย็นวันเดียวกัน คุณพรทิพย์ จาละ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เปิดเผยถึงกรณี ครม.มอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ส่งเรื่องปัญหาการมอบให้กรมประชาสัมพันธ์ เข้ารับบริหารสัมปทานไอทีวี ว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ ว่าจะต้องใช้เวลาในการพิจารณานานเท่าใด ขึ้นอยู่กับคำถามที่ สปน.จะถามมาว่าจะสั้นหรือยาว หรือถามว่าอะไรบ้าง เท่าที่ทราบก็คงจะสอบถามว่า กรมประชาสัมพันธ์จะสามารถเข้าไปบริหารสถานีโทรทัศน์ไอทีวีได้หรือไม่ อย่างไร ซึ่งทางคณะกรรมการกฤษฎีกาจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด เพราะยิ่งช้าไปอาจจะมีปัญหา ทั้งนี้ นายกฯ ไม่ได้กำชับอะไรมาเป็นพิเศษ เมื่อถามว่า ผล ของการตีความออกมา ไอทีวีจะออกอากาศได้ทันทีหรือไม่ คุณพรทิพย์ กล่าวว่า ผลการตีความของกฤษฎีกาคือเป็นความเห็นทางกฎหมาย ทาง ครม.หรือ นายกฯ ก็น่าจะมาพิจารณาอีกครั้งว่าเห็นด้วยหรือไม่
นายจตุรงค์ สุขเอียด ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก บมจ.ไอทีวี ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ศาลปกครองได้รับคำร้องไว้และนัดทั้ง 2 ฝ่ายไต่สวนมูลฟ้องที่ศาลปกครองกลาง ในเวลา 09.30 น. วันที่ 7 มี.ค.
ตลท.สั่งห้ามซื้อขายหุ้นไอทีวี
ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลท. เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์จะยังไม่ปลดเครื่องหมายการห้ามซื้อขาย (เอสพี) หุ้น บมจ.ไอทีวี จนกว่าจะมีความชัดเจนจากภาครัฐว่าจะดำเนินการอย่างไรกับไอทีวี นอกจากนี้ ยังต้องรอดูว่าหลังภาครัฐยึดสัมปทานคืน ไอทีวีจะหาธุรกิจใดมาแทนธุรกิจหลัก โดยก่อนหน้านี้ นางภัทรียา ระบุว่า ไอทีวีถือว่าขาดคุณสมบัติในการเป็นบริษัทจดทะเบียนนับจากวันที่ 6 มี.ค. เพราะถือว่าไม่มีกิจการเป็นของตัวเอง โดยจะต้องดำเนินการแก้ไขฐานะในเวลา 1 ปี และขยายเวลาให้ได้อีก 1 ปี ในการหาธุรกิจที่จะเป็นธุรกิจหลักแทนสัมปทานที่ถูกยึดไป
ด้านนายวิทวัส ชัยปราณี นายกสมาคมธุรกิจโฆษณาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากมติ ครม.ดังกล่าว จะส่งผลให้สัดส่วนเม็ดเงินโฆษณาที่ใช้จ่ายผ่านสื่อโทรทัศน์มีทางเลือกลดลง โดย ไอทีวีมีรายได้จากงบโฆษณาคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 15-20% หรือคิดเป็นตัวเลขการใช้จ่ายโฆษณาต่อปีเฉพาะไอทีวีอยู่ที่ประมาณ 5,000 ล้านบาท
คนไอทีวีเศร้าจัดเคานท์ดาวน์
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนการปิดสถานีในวันที่ 7 มี.ค. พนักงานไอทีวี จะร่วมจัดรายการนับถอยหลังตั้งแต่เวลา 22.00 น. จนถึงวินาทีสุดท้ายที่ถูกตัดสัญญาณ ท่ามกลางบรรยา กาศอันเศร้าสลดของพนักงานทุกคน
ด้านนายฉัตรชัย เทียมทอง ผอ.ฝ่ายการเงิน บมจ.บีอีซี เวิลด์ ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า รู้สึกเสียใจกับไอทีวี ทั้งนี้ ทางช่อง 3 ไม่ได้ปิดกั้นที่จะรับพนักงานจากไอทีวี สอดคล้องกับความเห็น ของนายสมพงษ์ อัชฌานุเคราะห์ ผจก.ฝ่ายการตลาด บจก.กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 ที่พร้อมเปิดกว้างรับผู้จัดรายการจากไอทีวี เช่นกัน
ด้านสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ออกแถลงการณ์ถึงกรณี ครม.มีมติให้ไอทีวีหยุดออกอากาศชั่วคราว มีสาระสำคัญคือ 1.ขอเรียกร้องให้รัฐบาลกำหนดนโยบาย ทิศทางของสถานีโทรทัศน์ไอทีวีให้ชัดเจน และแต่งตั้งคณะกรรมการมากำกับดูแล จากภาคส่วนต่าง ๆ 2.ให้คณะกรรมการกฤษฎีกา พิจารณาปัญหาไอทีวีในส่วนที่เกี่ยวกับมาตรา 80 ของกฎหมายจัดสรรคลื่นความถี่ ว่าจะนำคลื่นความถี่นี้ไปจัดสัมปทานรายใหม่ได้หรือไม่ 3.ให้คณะกรรมการกฤษฎีกาและรัฐบาล ตีความด้านกฎหมายให้เกิดความชัดเจนมากที่สุด และ 4.รัฐบาลต้องดูแลให้ความเป็นธรรมผลกระทบที่เกิดขึ้นกับพนักงานของไอทีวี
"จีระ"นั่งแท่นคุม"ทีไอทีวี"
คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รมต. ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับกิจการสถานีโทรทัศน์ระบบยูเอช เอฟ แถลงผลการประชุมอีกครั้งว่า ระหว่างรอคำวินิจฉัยจากคณะกรรมการกฤษฎีกา สปน.จะส่งหนังสือยกเลิกสัญญาสัมปทานอย่างเป็นทางการให้กับไอทีวี จากนั้น กรมประชาสัมพันธ์จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบอุปกรณ์ต่าง ๆ ร่วมกับ สปน. ส่วนใดที่ขนย้ายได้จะนำไปติดตั้งที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบ แต่งตั้งจีระ หงส์ลดารมภ์ กรรมการกำกับกิจการสถานีโทรทัศน์ระบบยูเอชเอฟ เป็นรักษาการผู้อำนวยการโครงการดำเนินการสถานีวิทยุโทรทัศน์ระบบ ยูเอชเอฟ ภายใต้ชื่อทีไอทีวี
ด้านนายจีระ กล่าวว่า ตนจะเข้ามารักษาการเป็นเวลา 2 เดือน จากนั้นคงจะมีการสรรหาผู้อำนวยการคนใหม่ อย่างไรก็ตาม ตนเป็นนักวิชาการที่ถือว่ามีความเป็นกลางที่สุดจึงมาช่วยงานประเทศ ซึ่งไม่จำเป็นต้องรับเงินเดือนแต่อย่างใด
ขณะที่นายปราโมช รัฐวินิจ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า เรื่องค่าตอบแทนของพนักงานไอทีวีในส่วนที่กรมประชาสัมพันธ์จะว่าจ้างนั้น จะพยายามให้ใกล้เคียงกับที่เป็นอยู่มากที่สุด ในอนาคตจะนำรูปแบบเอสดียู หรือการบริหารงานในรูปแบบพิเศษ (SDU-Service Delivery Unit) มาใช้ในการดำเนินการต่อไป
สื่อ-ปชช.ให้กำลังใจอบอุ่น
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ตลอดทั้งวันหลัง ครม.มีมติระงับการออกอากาศสถานีโทรทัศน์ไอทีวีเป็นการชั่วคราว ได้มีกลุ่มสื่อมวลชนต่างแขนงทั้งสิ่งพิมพ์และวิทยุ แห่แหนให้กำลังใจพนักงานไอทีวี รวมไปถึงดาราพิธีกรชื่อดังต่างมากันอย่างคับคั่ง อาทิ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรชื่อดังทางสถานีโทรทัศน์สีช่อง 3 รวมไปถึงผู้จัดรายการที่ออกอากาศทางช่องไอทีวี อาทิ อี๊ด-วงฟลาย, แนน-ชลิตา เฟื่องอารมย์ ฯลฯ ก็เดินทางมาร่วมสังเกตการณ์ด้วย ขณะที่ประชาชนทั่วประเทศ ได้เดินทางมาให้กำลังใจทีมข่าวภูมิภาคของไอทีวีแต่ละจังหวัดอย่างอบอุ่น
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ภายหลังที่พนักงานไอทีวี ทราบว่า ครม.มีมติสั่งระงับการออกอากาศไอทีวีชั่วคราวแล้ว ผู้สื่อข่าวไอทีวีประจำทำเนียบรัฐบาลส่วนใหญ่มีอาการเศร้าสร้อย ซึ่งบางคนก็พยายามหยอกล้อกับเพื่อนผู้สื่อข่าว ว่า คงไม่ได้กลับมาทำงานข่าวอีกแล้ว เพราะกลัวการทำงานภายใต้กรมประชาสัมพันธ์อาจไม่มีความอิสระเท่าที่ควร แต่หลายคนก็บอกว่า อีกไม่ช้าคงได้พบกันอีก โดยจะใช้เวลาว่างนี้ไปพักผ่อนหลังจากที่ไม่มีเวลาพักผ่อนมาอย่างยาวนาน ซึ่งแต่ละคนก็ได้เข้ามาเก็บข้าวของออกจากห้องผู้สื่อข่าวใหม่ท่ามกลางการให้กำลังใจจากเพื่อนผู้สื่อข่าว
ขณะที่เว็บไซต์สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น รายงานอ้างตามสำนักข่าวเอพี ว่า รัฐบาลตัดสินใจยึดคืนสัมปทานสถานีโทรทัศน์เสรีแห่งเดียวของไทย และจะหยุดการออกอากาศหลังไอทีวีไม่สามารถชำระค่าสัมปทานและค่าปรับเป็นเงินแสนล้านบาทได้ ในเนื้อหามีการรายงานถึงความเป็น มาของข้อพิพาทระหว่างไอทีวี กับ สปน. อย่างละเอียด รวมทั้งสัญญาของนายกรัฐมนตรีว่าพนักงานจะไม่ตกงาน รวมทั้งรายงานว่าการตัดสินใจของรัฐบาลในวันนี้เป็นความเคลื่อนไหวล่าสุด ที่ทำให้นักลงทุนกังวลในทิศทางการบริหารประเทศ
Credit : manager.co.th
Credit : thairath.co.th
Credit : mcot.net
: เป็นกำลังใจสู้ต่อไปนะครับ ITV..

