มีนักคิดผู้หนึ่งเคยกล่าวไว้ว่าคนเราควรจะมีอย่างน้อยคนละ2ชีวิตชีวิตแรก ไว้เรียนรู้ลองผิดลองถูก เพื่อชีวิตที่สองจะได้สรุปบทเรียนและไม่ทำอะไรผิดพลาดอีก แต่นาเสียดาย ที่คนเรามีกันคนละหนึ่งชีวิต เท่านั้น ผิดแล้วผิดเลย จะย้อนหลังกลับไปแก้ไขร้ายเป็นดี ก็สุดวิสัยที่จะทำได้ เช่นเดียวกันในช่วงแรกๆของชีวิต การขาดความยั้งคิด อาจทำไห้เราใช้ชีวิตไปในทางที่ไม่เหมาะสม หลายคนไม่เคยสนใจการศึกษา เอาแต่เที่ยวเตร่เฮฮาไร้สาระไปวันๆ เมื่อถึงวัยทำงานเพื่อนฝูงได้ดิบได้ดีกันทั่วหน้า แต่ตนเองยังย่ำเท้าอยู่กับที เพราะพื้นฐานความรู้ไม่ดีเหมือนคนอื่น สิ่งที่ควรทำคือ เร่งศึกษาอย่างขะมักเขม้น เอาชนะจุดอ่อนของตนเองไห้จงได้ ไม่ไช่คอยแต่โทษชะตาฟ้าลิขิต เพราะความผิดทั้งหมดเกิดจากการกระทำของตนเอง เราเปลี่ยนแปลงอตีดไม่ได้แต่สามารถทำปัจจุบันไห้ดีขึ้นได้ ในทางพุทธศาสนาเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลง กรรมเก่า ที่เคยทำมาในการก่อนได้ แต่พระพุทธองค์ทรงสอนให้เราสร้าง กรรมใหม่ ซึ่งป็น กรรมดี เพื่อลดแรงกระแทกกระทั้นของผลกรรมเก่าให้บรรเทาลง
ไม่มีใครล่วงรู้อนาคต แต่ประสบการณ์สอนเราว่า ถ้าทำวันนี้ให้ดีย่อมส่งผลดีต่อวันพรุ่งด้วย ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ผู้ที่เตรียมตัวก่อน คือผู้ชนะในที่สุด
ปัจจุบันเป็นสะพานเชื่อมอตีดและอนาคต และเป็นช่วงเวลาเดียวที่เราสามารถจะกำหนดวิถีชีวิตที่เหลืออยู่ ว่าต้องการดำเนินชีวิตไปอย่างไร
เคยมีนักวิจัยชาวต่างประเทศทำสถิติสอบถามผู้ที่กำลังจะตายแปดสิบกว่าเปอร์เซ็นต์ ไม่นึกเสียดายในสิ่งที่ตนเองเคยทำเพราะอย่างน้อยจะร้ายหรือดีก็ถือเป็นประสบการณ์ชิวิต แต่สิ่งที่ทุกคนเสียดายเป็นอย่างยิ่ง คือสิ่งที่ไม่มีโอกาสได้ทำ
ก่อนจะถึงวันนั้นของชีวิต...
วันนี้...คุณทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจแล้วหรือยัง......!?
ปล ผู้ที่อ่านขอความนี้จะก็อบกันก็ได้นะ