
โฟร์ ศกลรัตน์ วรอุไร หนึ่งในศิลปินคู่ดูโอสุดฮ็อต "โฟร์-มด" ที่ขอเปลี่ยนบทบาทจากนักร้องสู่การแสดงบนแผ่นฟิล์มเป็นครั้งแรกกับบท "ครูหนูเล็ก" ครูอนุบาลสาวผู้มีความมุ่งมั่นในภาพยนตร์เรื่อง "ดรีมทีม" ของค่ายอาวอง
แนะนำตัวนิดนึง
สวัสดีค่ะ โฟร์ ศกลรัตน์ วรอุไรค่ะ
มาเล่นภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อย่างไร
พี่เรียว (กิตติกร เลียวศิริกุล) ผู้กำกับชวนมาเล่นค่ะ เรียกมาคุยว่ามีหนังอยากให้เล่น เป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็กชักเย่อ ให้โฟร์มาเล่นเป็นครู ตอนแรกก็งงๆ ว่าจะรับดี หรือเปล่า? วันนั้นก็เลยยังไม่รับปากเค้า ก็กลับไปปรึกษาคนนู้นคนนี้ แล้วสัปดาห์ถัดมาถึงกลับมาตอบตกลงว่าเล่นค่ะ
ทำไมถึงตัดสินใจเล่นหละ
ไปปรึกษาหลายๆ คน เค้าก็ดูจากผลงานของพี่เรียวด้วย ดูจากตัวพี่เรียวด้วย แล้วเราก็อยากลองเล่นดูด้วยค่ะ
กดดันไหม
ไม่กดดันค่ะ เพราะโฟร์เองก็เล่นละครมาแล้วตั้ง 4 เรื่อง แล้วเราก็อยากเล่นหนังอยู่แล้ว และที่เรามาเล่นเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เพราะว่าเราเป็นนักร้อง เราก็เคยเรียนแอ็คติ้งมาก่อนแล้ว ก็เลยไม่รู้สึกกดดันค่ะ
ต้องเตรียมตัวอะไรเพิ่มเติมบ้าง
ก็มี workshop 30 ชั่วโมงค่ะ เป็นการฝึกการแสดง แต่ไม่เกี่ยวกับบทนะ ฝึกสมาธิ ฝึกไหวพริบ แล้วก็ดูการเล่นการแสดงของเราว่าเป็นยังไงบ้าง ต้องปรับต้องเพิ่มตรงไหนบ้างค่ะ
พูดถึงคาแร็คเตอร์ในเรื่องนิดนึง
รับบทเป็นครูอนุบาลชื่อครูหนูเล็ก เป็นคนที่ออกห้าวๆ นิดนึง มีความมั่นใจ มุ่งมั่น ตั้งใจ จริงใจ พูดตรงๆ ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ไม่ยอมแพ้อุปสรรคค่ะ
เคยดูแลเด็กเล็กๆ แบบนี้มาก่อน หรือเปล่า
ไม่มีน้องไม่มีหลานเลย จะมีก็ห่างๆ นานๆ จะได้เจอกันที่ แล้วก็ไม่ได้ซน หรือ 5 ขวบอะไรแบบนี้ พอมาเจอเด็กๆ แรกๆ ก็มึนอยู่เหมือนกัน แต่ก็สนุกดีนะคะ ได้รอยยิ้มได้เสียงหัวเราะกลับบ้านทุกวัน เพราะแต่ละวันมีเหตุการณ์ไม่ซ้ำกันเลย อย่างคนนี้งอน เพราะเราไปสนใจอีกคนมากกว่า อะไรแบบนี้ค่ะ
ใครซนที่สุด
ทุกคนซนหมดเลย แต่จะมีคนที่ซนบวกดื้อ ซนแล้วไม่ฟัง ซนแล้วฟัง ซนแล้วรู้เรื่องแตกต่างกันไป คือ ความซนจะพอๆ กัน แต่ถ้าดื้อจะมีเป๊ะกับเซน1 ดื้อที่สุด เซน2 ซน แต่ไม่ดื้อ รู้เรื่อง ให้ทำอะไรก็ทำ ส่วนคาบิวเป็นเด็กขี้งอน แต่ว่าพอให้ทำอะไรก็ทำได้หมด เค้าน่ารักมากค่ะ
ถ้าให้มาเป็นพี่เลี้ยงเด็กจริงๆ เลยหละ
ไม่ค่ะ ไม่เอาๆ ขออยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ดีกว่า ไม่ไหวด้วย ถ้าอยู่แป๊บๆ อย่างที่เราไปแต่ละงานก็จะมีแม่เด็กตามมาคุมด้วย แต่ถ้าเกิดให้มาเลี้ยงอยู่เป็นวันเป็นเดือนคงไม่ไหวค่ะ
เจอวีรกรรมอะไรบ้าง
อย่างที่บอก คือ เราบังคับเค้าไม่ได้ เค้าอยากเล่นถึงจะเล่น วันนี้เค้าไม่มีอารมณ์ เค้าก็ไม่เล่น ต่อให้ง้อให้ตื้อให้ตายยังไงก็ไม่เล่น ต้องปล่อยให้เค้านิ่งๆ สักพักนึง ให้ทำอารมณ์ก่อน ถ้าเค้าบอกว่าอยากเล่นแล้ว ค่อยมาถ่ายค่ะ
มีเอาของมาล่อไหม
มีมาล่อไหม? ตอนแรกๆ พยายามเอาเกมส์มาล่อ ถ้าเล่นได้จะให้เกมส์เล่นนะ ตอนแรกๆ คือ มีเกมส์ พอหลังๆ เด็กเริ่มไม่เชื่อ เพราะไม่ให้เล่น คือ พี่กองถ่ายบอกไม่ให้เล่น อยากให้เรานิ่งๆ วางฟอร์มว่าเป็นครูมากกว่า เราก็เลยไม่ให้เล่น แต่สุดท้ายเค้าไม่ต้องใช้อะไรมาล่อ แค่คุยกับเค้าดีๆ แล้วขอร้องเค้า ขอเล่นให้จบตรงนี้ก่อนน้า พูดดีๆ กับเค้า เค้าก็รู้เรื่องอยู่แล้วค่ะ
อุปสรรคในการถ่ายทำของโฟร์เองหละ
คงเป็นช่วงแรกๆ ที่งงๆ ว่าจะเล่นยังไง? คือ โฟร์พยายามหันหน้าเข้ากล้องตลอดเวลา เพราะโฟร์นึกว่าอารมณ์จะเหมือนกับเวลาเล่นละคร ต้องหันหน้าเข้าหากล้อง แต่จริงๆ แล้วหนังไม่ต้อง ให้เราเป็นธรรมชาติ ยืนยังไง เดี๋ยวกล้องจะมาตามเก็บเอง ก็จะมีปัญหาเรื่องกล้อง เรื่องแอคติ้งอยู่บ้างค่ะ
ฉากไหนที่คิดว่ายากที่สุด
คงจะเป็นฉากในห้องเรียน เพราะเราเพิ่งเคยเข้าฉากกับเด็กๆ เป็นครั้งแรก และเด็กๆ ก็เพิ่งเคยเข้าฉากกับเราเป็นครั้งแรกด้วยเหมือนกัน รู้สึกเกร็ง และพี่เรียวบอกว่าเราเล่นไม่เป็นธรรมชาติด้วย ก็เลยรู้สึกว่ายาก ฉากนั้นถ่ายประมาณ 30 เทค และถ่ายซ่อมอีก 2-3 ครั้งได้ค่ะ
เป็นหนังแนวแฟมิลี่คอมเมดี้
เป็นหนังแนวแฟมิลี่คอมเมดี้ หนังครอบครัวสนุกๆ แต่ไม่ใช่เฉพาะคนที่มีลูกแล้วถึงจะดูได้นะ วัยรุ่นก็ดูได้ คือ เป็นความสดใสน่ารักเกี่ยวกับเด็กๆ ค่ะ
แล้วอย่างนี้ต้องเล่นมุขเยอะไหม
ไม่ค่ะ เป็นคนที่ไม่ค่อยมีมุขอะไร เป็นคนตลกหน้าตายมากกว่า คือ เป็นคนที่ตลกด้วยคำพูดเฉยๆ ค่ะ
ประกบคู่กับนักแสดงมุขเยอะด้วย
ส่วนใหญ่จะเข้าฉากกับพี่กิ๊ก (เกียรติ กิจเจริญ) ก็พยายามคุยกับพี่เค้าเยอะๆ เวลาอยู่ข้างนอกฉาก หลังๆ เราจะเริ่ม อ๋อ!! พี่เค้าเป็นอย่างนี้ เค้าจะเล่นประมาณนี้ เราก็จะรู้ว่าควรตอบกลับไปประมาณไหน หรือก่อนเล่นพี่กิ๊กก็จะเข้ามาคุยกับโฟร์ พี่ขอเพิ่มอันนี้ไปนิดนึงนะ พี่จะเล่นอันนี้ เดี๋ยวเอ็งก็ตอบกลับมาอย่างนี้นะ เค้าจะมาสอนก่อนเข้าฉากทุกครั้ง มานั่งต่อบทกับโฟร์ค่ะ
ติดใจงานภาพยนตร์ไหม
ดีค่ะ แต่เหนื่อยมาก โดยเฉพาะช่วงโปรโมตหนัง ถ้าจะให้เล่นอีกก็เล่นนะ แต่ขออีกสักพักนึงก่อนค่ะ
คิดว่าคนดูจะได้อะไรจากภาพยนตร์เรื่องนี้บ้าง
หลักๆ เลยคงเป็นความสนุกแหละ รอยยิ้ม ความน่ารักสดใสของเด็กๆ มีมุมมองสะท้อนสังคมปัจจุบันที่พ่อแม่อยากให้ลูกได้ดีได้เด่นกัน แล้วเข้าใจความรู้สึกของลูกบ้างไหมว่าต้องการอะไร? หนังจะสะท้อนตรงจุดนี้ด้วยค่ะ
สุดท้ายแล้วให้ฝากผลงานหละกัน
ฝากหนังเรื่องดรีมทีมด้วยนะคะ ช่วยเป็นกำลังใจให้โฟร์ด้วยกับหนังเรื่องแรก เข้าฉายวันที่ 3 เมษายน นี้ค่ะ
http://blogazine.insidedara.com/sakonrut-woraurai