
นายพงษ์ศักดิ์ พรรณราย กรรมการผู้จัดการ บริษัท สกู๊ดเตอร์ อรีนา จำกัด ตัวแทนจำหน่ายรถสกู๊ดเตอร์ เจอาร์ดี กล่าวว่าภาพรวมของตลาดรถสกู๊ดเตอร์ในปัจจุบันนั้นยังมีสัดส่วนที่น้อยอยู่ เนื่องจากผู้บริโภคชาวไทยยังไม่ค่อยรู้จักในตัวสินค้า จึงปรับกลยุทธ์ใหม่โดยการหันไปจับตลาดผู้หญิงโดยเฉพาะเริ่มตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป
"ตอนนี้เจอาร์ดีได้ปรับแผนใหม่โดยการเน้นไปที่กลุ่มผู้หญิงโดยเฉพาะ เนื่องจากลูกค้ากว่า 80% ของเราคือผู้หญิงจึงมั่นใจว่าจะสามารถเปิดช่องทางการจำหน่ายได้ โดยสกู๊ดเตอร์รุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวนั้นชื่อว่าจุ๊บจุ๊บ ขนาด 125 ซีซี ที่มีพรีเซ็นเตอร์คือศิลปินวัยรุ่น โฟร์-มด ซึ่งจะเน้นไปที่ลูกค้าอายุตั้งแต่ 18 - 24 ปี ราคาอยู่ที่ 39,500 บาท"
ปัจจุบันตลาดรถสกู๊ดเตอร์ปัจจุบันมีเพียงเจอาร์ดีทำตลาดอยู่เจ้าเดียว ส่วนรถจักรยานยนต์ใหม่ๆ ที่รายใหญ่จากญี่ปุ่นที่เปิดตัวออกมานั้น จะเป็นรถจักรยานยนต์เกียร์ออโตเมติก ไม่ใช่รถสกู๊ดเตอร์ที่มีลูกค้าคนละตลาดกันและสกู๊ดเตอร์นั้นมีการใช้งานที่ต่างจากมอเตอร์ไซค์และรูปทรงที่แตกต่างกัน ส่วนปีนี้เจอาร์ดีจะมีการเปิดตัวรถสกู๊ดเตอร์ขนาด 125 ซีซี อีก 1 รุ่นภายในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งบริษัทฯมีแผนเปิดผลิตภัณฑ์ใหม่ปีละ 2 รุ่นด้วยกัน ส่วนสกู๊ดเตอร์ที่ปัญหาในเรื่องของระบบไฟฟ้าจำนวน 3 รุ่นบริษัทได้เรียกคืนมาแล้วจากตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศทำให้ปัจจุบันมีสกู๊ดเตอร์จำหน่ายที่ 5 รุ่นด้วยกัน
"การจัดแคมเปญและขยายเครือข่ายรองรับ ทำให้บริษัทเชื่อว่าปีนี้จะทำยอดขายครึ่งปีหลังได้ 18,000 คัน หรือเติบโตเป็น 5% ตามเป้าที่วางไว้ โดยเจอาร์ดีมีส่วนแบ่งทางการตลาดรวมอยู่ที่ 1 % และสิ้นปีคาดว่าจะขึ้นมาอยู่ที่ 2 % นอกจากนี้ในส่วนของโรงงานการผลิตขณะนี้มีอยู่ทั้งหมด 3 แห่งด้วยกันคือที่ประเทศ ไทย ที่หาดใหญ่ , ประเทศจีน และประเทศเวียตนาม เพื่อส่งไปขายในภูมิภาคเอเซียซึ่งเน้นไปที่เวียตนามและจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่ ส่วนไทยยังคงผลิตเพื่อขายในประเทศเท่านั้น"
สำหรับงบการตลาด ทางบริษัทฯตั้งไว้อยู่ที่ 70 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นงบการโฆษณาที่ 30 ล้านบาท และงบสำหรับการปรับโฉมโชว์รูมอีก 40 ล้านบาท ยอดขายหลังการเปิดตัวตั้งเป้าไว้ที่ 3,000 คันต่อเดือนโดย 6 เดือนหลังอยู่ที่ 18,000 คัน โดยยอดจำหน่ายครึ่งปีที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 6,000 คัน
นายพงษ์ศักดิ์กล่าวเสริมว่า ในส่วนของ สกู๊ดเตอร์ อารีน่า ศูนย์บริการก่อนและหลังการขายครบวงจรปัจจุบันมีตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศที่ 130 รายและมีศูนย์บริการของเจอาร์ดีเอง 20 แห่งทั่วประเทศ ภายในสิ้นปีตั้งเป้าจะเปิดให้ครบ 200 แห่ง โดยจะเน้นตามหัวเมืองและตลาดภูมิภาคให้มากขึ้น ซึ่งในเดือนตุลาคมนี้จะมีการเปิดศูนย์จำหน่ายแห่งใหม่ที่จังหวัดขอนแก่นที่ลงทุนไปประมาณ 60 ล้านบาทเพื่อเปิดตลาดภาคอีสานโดยเฉพาะ


